โอคิตะโซจิ : ตอนที่ 1 ภูมิลำเนา
โซจิเกิดที่เมืองเอโดะหรือก็คือโตเกียวในปัจจุบัน บิดาเป็นซามูไรสังกัดแคว้นชิรากาวะ มีพี่สาว 2 คนคือ โอมิทสึกับโอคิน เนื่องจากบิดาของโซจิ...โอคิตะ คัทสึจิโร่ล้มป่วย และในตอนนั้นยังไม่มีทายาท(โซจิยังไม่เกิด) จึงตัดสินใจรับอิโนะอุเอะ รินทาโร่มาเป็นบุตรบุญธรรมและกะจะให้แต่งงานกับโอมิทสึเพื่อสืบทอดบ้านโอกิตะ แต่หลังจากนั้นไม่นานโซจิก็เกิดมา มีชื่อในวัยเด็กว่า โซจิโร่ฮารุมาสะ
ในตอนที่คัทสึจิโร่ล่วงลับนั้น โซจิอายุแค่ 4 ขวบ ยังเด็กเกินกว่าจะขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดบ้านโอคิตะได้ รินทาโร่จึงตั้งใจจะรับโซจิเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อให้สืบทอดบ้านโอกิตะต่อไปในภายหน้าแต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ ในช่วงต้นปีมังเอน รินทาโร่ได้หนีออกจากสังกัดแคว้นชิรากาวะทำให้เรื่องการรับโซจิเป็นบุตรบุญธรรมถูกยกเลิกกลางครัน โซจิที่อายุประมาณ 8-9 ขวบถูกนำมาฝากไว้ที่โรงฝึกชิเอย์คันของคอนโด ชูสึเกะซึ่งเป็นสำนักดาบสายเทนเนนริชินริว และเริ่มศึกษาวิชาดาบตั้งแต่ตอนนั้น
ว่ากันว่าโซจิเป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริงด้านวิชาดาบ เพราะช่วงอายุ 10 กว่าๆก็เรียนรู้วิชาได้แบบหมดไส้หมดพุง(สารพัดใบประกาศก็กวาดมาหมดแล้ว) อายุ 16 ก็สามารถเป็นตัวแทนอาจารย์ออกฝึกสอนได้ และอายุประมาณ18-19ก็ขึ้นเป็นหัวหน้าอาจารย์ผู้ฝึกสอน....และเนื่องจากโซจิกินอยู่แบบครบวงจรที่โรงฝึกชิเอย์คันอย่างที่ว่ามาก็เลยสนิทสนมกับคอนโด อิซามิราวกับพี่น้องเลยทีเดียว ชื่อของโซจิตอนนั้นคือโซจิโร่ แต่ดูเหมือนคอนโดซังจะชอบเรียกสั้นๆว่าโซจิซะมากกว่า พอโตแล้วโซจิก็เลยเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นโซจิเฉยๆซะเลย
โอคิตะโซจิ : ตอนที่ 2 ฝีมือดาบ
ในบรรดาผู้คนมากมายที่มาศึกษาวิชาดาบที่โรงฝึกชิเอย์คัน โซจิซึ่งเติบโตมาอย่างใสซื่อและอุทิศตัวเองให้กับวิถีแห่งดาบเพียงอย่างเดียวจึงเป็นเสมือนสมบัติล้ำค่า ขนาดที่นางาคุระ ชิมปาจิได้บันทึกเอาไว้ในภายหลังว่า "ยามที่โซจิถือดาบไม้ ทุกคนก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กอมมือ หากปะทะกันจริงๆ น่ากลัวว่าแม้แต่อิซามิ(คอนโด อิซามิ)เองก็คงเอาไม่อยู่"
โซจิเดินทางไปสอนวิชาดาบที่ตำบลทามะอยู่บ่อยๆ แต่คงเป็นเพราะยังหนุ่มอยู่มาก ทำให้การสอนของโซจิทั้งเข้มงวดแถมยังอารมณ์เสียง่าย ออมมือก็ไม่เป็น(เล่นเอาลูกศิษย์หวาดผวาไปตามๆกันเลยทีเดียว แต่กระนั้นโซจิก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนมากมาย โอโนบุที่เป็นพี่สาวของฮิจิกาตะซังก็ชอบให้เงินกินขนมบ่อยๆ ขนาดตอนออกหัดที่เมืองโอโนจิ โคจิมะ ชิกะโนะสึเกะ (พี่น้องร่วมสาบานของคอนโด อิซามิ เป็นผู้นำตระกูลโคจิมะรุ่นที่ 20)ยังอุตส่าห์เข้ามาเป็นห่วงเป็นใยว่าให้ดูแลตัวเองดีๆเพราะในภายภาคหน้าจะได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีบุงคิวที่ 3 โซจิซึ่งตอนนั้นอายุประมาณ 22 พร้อมกับสมาชิกของโรงฝึกชิเอย์คันซึ่งนำโดยคอนโดซังได้เข้าร่วมกับกองกำลังของพวกซามูไรไร้สังกัดมุ่งหน้าขึ้นสู่เกียวโต ในกองกำลังนี้มีรินทาโร่...พี่เขยของโซจิร่วมก๊วนอยู่ด้วย แต่คุณพี่เขยอยู่ที่เกียวโตได้ไม่นานก็ติดตามโยชิคาวะ ฮาจิโร่กลับเอโดะ ในขณะที่โซจิยังคงอยู่ที่เกียวโตกับพวกคอนโดซัง และจากนั้นก็ได้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มซามูไรไร้สังกัดแห่งมิบุและขึ้นเป็นผู้ช่วยท่านรองฯตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ที่ทำการแห่งแรกของกลุ่มชินเซ็นตั้งอยู่ที่คฤหาสน์ยางิ แต่ว่ากันว่าแทบจะในทันทีที่ย้ายเข้ามา พวกคอนโดซัง(รวมถึงฮิจิกาตะซังและโซจิด้วย)ก็ย้ายไปพักอยู่ที่คฤหาสน์มาเอคาวะและใช้ที่นี่เป็นที่ทำการหลักหลังจากจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจนคฤหาสน์ยางิรับไม่อยู่ และที่คฤหาสน์ยางินี่แหละ เป็นฉากการฆาตกรรมเซริซาวะ คาโมะซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้ารุ่นแรกๆของชินเซ็นกุมิด้วย
ถัดจากคฤหาสน์ยางิไปนิดหน่อยจะเป็นวัดมิบุซึ่งเป็นที่ๆโซจิชอบมาเล่นกับเด็กๆแถวนี้อย่างสนุกสนานมีบันทึกไว้ว่าถึงขนาดอิโนะอุเอะ เกนซาบุโร่ซึ่งเป็นรุ่นพี่ต้องมาตามตัวกลับไปซ้อมดาบ โซจิก็แหย่เล่นว่า "อิโนะอุเอะซัง...ซ้อมอีกแล้วเหรอครับ?" เล่นเอาอิโนะอุเอะซังบ่นงึมงำว่า...รู้อยู่แล้วก็น่าจะหุบปากแล้วตามมาเงียบๆซะ...
โอคิตะโซจิ : ตอนที่ 3 คดีที่ร้านอิเคดะ
แต่ถึงจะเป็นคนบริสุทธิ์ใสซื่อเหมือนเด็กๆแบบนี้ก็เถอะ เมื่อถึงเวลาฆ่าคนขึ้นมาก็ไม่เคยลังเลแม้แต่นิดเดียว ดูง่ายๆจากรายชื่อผู้เข้าร่วมการฆาตกรรมเซริซาวะ คาโมะก็มีชื่อโซจิปรากฏอยู่ด้วย หรือจะตอนคดีที่ร้านอิเคดะหลังจากคำประกาศเข้าทำการจับกุมของคอนโดซัง โซจิก็เป็นคนแรกที่เด็ดหัวฝ่ายตรงข้ามและนำไปสู่การต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่ ว่ากันว่าในบันทึกของนางาคุระ ชิมปาจิเขียนไว้ว่าคอนโดซังกับโซจิเป็นผู้บุกขึ้นไปยังชั้น 2 ของร้านอิเคดะ แต่หลายปีต่อมานางาคุระซังได้กล่าวว่าคนที่ขึ้นไปยังชั้น 2 คือคอนโดซังกับตัวนางาคุระเอง ซึ่งผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของชินเซ็นกุมิต่างไม่ค่อยจะยอมเชื่อนัก เนื่องจากไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คอนโดซังจะไม่ให้โซจิที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดขึ้นไปบนชั้น 2 ด้วย....
จากบันทึกผู้ที่เสียชีวิตในคดีร้านอิเคดะครั้งนั้น มีโยชิดะ โทชิมาโระยอดฝีมือดาบแห่งโจชู, มัตสึดะ จูสึเกะจากฮิโกะ(ปัจจุบันอยู่ที่จังหวัดคุมาโมโต้)รวมอยู่ด้วย ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยฝีมือของโซจิ จริงอยู่ว่าการต่อสู้ที่ร้านอิเคดะนั้นค่อนข้างจะอิรุงตุงนังเพราะทั้งมืดแล้วก็โกลาหล เป็นการยากที่จะแยกแยะว่าใครตายเพราะฝีมือใคร แต่ถ้าดูจากฝีมือแล้ว คนที่สามารถล้มคนเก่งๆอย่างโยชิดะซังได้น่าจะมีแต่โซจิ ผู้ที่ศึกษาด้านนี้ก็เลยพร้อมใจกันยกผลประโยชน์ให้โซจิไปดังที่ว่ามานี้...
การต่อสู้ที่ร้านอิเคดะในครั้งนั้นคงจะทั้งเครียดแล้วก็กดดันมากทีเดียว เพราะขนาดโซจิเองยังล้มไประหว่างการต่อสู้ และถูกพาตัวออกมาด้านนอก หลายปีให้หลังนางาคุระซังได้จดบันทึกถึงสาเหตุการล้มของโซจิไว้ว่า "โรคปอดที่เป็นโรคประจำตัวกำเริบ" คนที่เคยอ่านการ์ตูนหรือนิยายที่เกี่ยวกับชินเซ็นกุมิมักจะเจอกับฉากที่โซจิอาเจียนเป็นเลือดในตอนบุกร้านอิเคดะ แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีบันทึกไว้จึงคาดว่าสาเหตุการหมดสติของโซจิน่าจะมาจากความร้อน,ความเครียดและสาเหตุอื่นๆมากกว่า
โอคิตะโซจิ : ตอนที่ 4 โรคร้าย
หลังจากคดีที่ร้านอิเคดะ เรื่องราวของโซจิก็ดูเหมือนจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ซะเฉยๆ ไม่มีบันทึกอีกเลยว่าโซจิได้ร่วมการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามที่ไหนอีก แต่กระนั้นชื่อของโซจิก็ยังได้รับการยอมรับว่าอยู่เหนือบรรดาหัวหน้ากลุ่มทั้ง 10 ของกลุ่มชินเซ็น โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ช่วยของท่านรองฯฮิจิกาตะ คอนโดซังเองก็เคยตั้งใจว่าจะมอบโรงฝึกชิเอย์คันและชื่อผู้สืบทอดวิชาดาบสายเทนเนนริชินริวให้กับโซจิ แต่ทว่าโซจิกลับล้มป่วยลงด้วยโรคไอเรื้อรังซึ่งเป็นอาการของวัณโรค และเนื่องจากเป็นโรคติดต่อ ทำให้ในฤดูใบไม้ร่วงของปีเคย์โอที่ 3 โซจิต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้และแยกจากกลุ่มชินเซ็นเพื่อไปรักษาตัว แต่ก็ต้องกลับมารวมกลุ่มอีกครั้งที่เขตฟูชิมิซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต
แต่กระนั้นโซจิก็ไม่ได้เข้าร่วมในการสู้รบ เพราะต้องเป็นเพื่อนร่วมเดินทางพาคอนโดซังไปรักษาตัวที่โอซาก้าเนื่องจากคอนโดซังได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน ในปีเคย์โอที่ 4 กลุ่มชินเซ็นพ่ายแพ้ในการสู้รบที่โทบะฟูชิมิจึงต้องถอยกลับมายังเอโดะ ในตอนนั้นโซจิป่วยหนักจนต้องนอนอยู่กับที่แต่ก็ยังไม่วายกระเซ้าเย้าแหย่ พูดเล่นกับเหล่าคนป่วยตามปกติ ขนาดที่คอนโดซังยังพูดเลยว่า "คนที่ปลงตกกับความตายได้ขนาดนั้นเรียกว่าไม่ธรรมดาเลย"
เมื่ออาการป่วยเพียบหนักขึ้นเรื่อยๆ โซจิจึงย้ายที่รักษาตัวจากเรือนของมัตสึโมโตะ เรียวจุนซึ่งอยู่แถวอาซากุสะไปยังเรือนเพาะต้นไม้ของไทระ โกโร่ซึ่งตั้งอยู่ที่เซ็นดางายะ คอนโดซังที่แวะมาเยี่ยมก่อนจะเดินทางไปแคว้นโคชูได้กลับไปเล่าให้โอซึเนะที่เป็นภรรยาฟังว่า "พอเห็นหน้าโซจิที่ซูบผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว ไม่รู้ทำไม น้ำตามันถึงไหลออกมาไม่หยุด" คืนนั้นโซจิเองก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาเช่นกัน
บางบันทึกกล่าวว่าโซจิได้ร่วมทางกับกลุ่มชินเซ็นมาถึงตำบลทามะ และยังคงแข็งแรงขนาดหัวเราะไปพลางทำท่ากระทืบเท้าแบบซูโม่ได้สบาย แต่ดูจากช่วงเวลาแล้วน่าจะเป็นตอนที่โซจิอาการหนักเกินกว่าจะเดินทางได้ คาดว่าน่าจะเป็นบันทึกที่คลาดเคลื่อนเสียมากกว่า
ในเดือน 4 วันที่ 25 ของปีเดียวกันนั้นเอง คอนโดซังก็ถูกประหารที่อิตาบาชิไม่มีใครสักคนกล้าบอกข่าวเรื่องนี้กับโซจิ เพราะถึงจะแยกจากคอนโดซังแล้ว โซจิก็ยังคงเป็นห่วงคอนโดซังเสมอมา ถึงกับถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "อาจารย์จะเป็นยังไงบ้างนะครับ ไม่มีข่าวคราวเลยเหรอ?"
อาการป่วยของโซจิทรุดลงเรื่อยๆถึงขนาดไม่อาจลุกขึ้นมาด้วยตัวเองได้ วันหนึ่งอาการกำเริบหนัก โซจิเห็นแมวดำตัวหนึ่งก็นึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินมาว่าแมวดำสามารถรักษาอาการไอเรื้อรังได้ (ความเชื่อผิดๆในสมัยนั้น....ว่ากันว่าแพร่มาจากหญิงงามเมืองแถบโยชิวาระ..ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแมวเกี่ยวอะไรกับวัณโรค ) ก็เลยขอให้คนดูแลช่วยหยิบดาบให้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะโซจิหมดสติไปซะก่อน และในปีเคย์โอที่ 4 เดือน 5 วันที่ 30 โอกิตะ โซจิก็ได้จากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 27 ปี
โอคิตะโซจิ : ตอนที่ 5 รูปร่างหน้าตา, ชื่อจริง, ดาบคู่ชีพ
ว่ากันว่ารูปร่างหน้าตาของโซจิตามที่หลงเหลือไว้ในบันทึกนั้น จะหล่อเหลารูปงามก็หาไม่... แต่ออกไปทางผิวคล้ำ ปากกว้าง ตัวผอมสูงโย่งโก๊ะ แถมยังชอบทำหลังงอเหมือนแมว โดยเฉพาะบันทึกของลูกศิษย์คนนึงเขียนไว้อย่างชัดเจนมากว่า โซจิหน้าเหมือนปลาตาเดียว
ตระกูลโอกิตะนั้นเป็นสายหนึ่งของตระกูลฟูจิวาระ ดังนั้นชื่อทางการของโซจิจึงเป็นฟูจิวาระโนะคาเนโยชิ เรียกแบบเต็มยศจะเป็น โอกิตะโซจิฟูจิวาระโนะคาเนโยชิ ในการ์ตูนและนิยายหลายเรื่องมักจะเขียนว่าดาบของโซจิคือดาบคิคุอิจิมนจิ แต่ตามประวัติศาสตร์แล้วน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะในปัจจุบันนี้คิคุอิจิมนจิเป็นดาบสำคัญระดับสมบัติชาติ ต่อให้ในสมัยบากุฟุเองก็น่าจะสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นดาบของโซจิจึงน่าจะเป็นดาบที่ชื่อคางะคิโยมิทสึซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าคะชูคานาซาวะชุโจเบเอฟูจิวาระโนะคิโยมิทสึ
(ภาพตัวจริง)
จาก PeaceMakerKurogane
จากเรื่องกินทามะ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โอคิตะ โซโกะ จาก Hakuouki Shinsengumi Kitan
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น